เคล็ดลับวิธีรับมือกับอาการแพ้ท้องสำหรับคุณแม่มือใหม่ที่กำลังตั้งครรภ์
อาการแพ้ท้อง คลื่นไส้ เป็นเรื่องธรรมชาติที่เกิดขึ้นกับคุณแม่ตั้งครรภ์ ซึ่งเริ่มจากมีอาการวิงเวียน คลื่นไส้อาเจียน เหม็นกลิ่นอาหาร โดยส่วนใหญ่จะเกิดในช่วงแรกของการตั้งครรภ์ จะเกิดขึ้นในช่วงไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์ หรือประมาณ 6 สัปดาห์นับจากการมีประจำเดือนครั้งสุดท้าย หลังจากนั้นจะค่อยๆ ดีขึ้น เมื่อข้ามผ่าน 3 เดือนไปแล้ว
อาการแพ้ท้อง…เกิดจากอะไร?
อาการแพ้ท้องเกิดจากระดับฮอร์โมนที่ชื่อว่า “HCG” (Human Chorionic Gonadotropin) ในร่างกายเพิ่มสูงขึ้น จนทำให้คุณแม่เกิดความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ทั้งทางร่างกายและจิตใจ
อาการแพ้ท้องเช่น เวียนหัว คลื่นไส้ อาเจียนเป็นบางครั้ง โดยเฉพาะในตอนตื่นนอนตอนเช้า หรือมีอาการเหนื่อย อ่อนเพลียง่าย ง่วงตลอดเวลา เหม็นกลิ่นต่างๆ ได้ง่ายเกินไป และทานอาหารได้น้อยลง คืออาการแพ้ท้องในระดับที่ยังไม่น่าเป็นห่วง หรือในระดับที่เรียกว่า Morning Sickness
วิธีรับมือกับอาการเหล่านี้ทำได้ไม่ยาก
แต่คุณแม่ท่านไหนจะสามารถรับมืออาการแพ้ท้องเหล่านี้ได้ดีกว่ากันนั้น ขึ้นอยู่กับวิธีการและกำลังใจค่ะ
วิธีรับมือกับอาการแพ้ท้อง ที่คุณแม่ทำได้เองที่บ้าน
ดื่มน้ำเยอะๆ (ดื่มเป็นสองเท่ากว่าปกติ)
การดื่มน้ำมากๆ สามารถช่วยป้องกันอาการเหนื่อยล้า อาการบวม และอาการวิงเวียนศีรษะได้เป็นอย่างดี คุณแม่ที่มีอาการแพ้ท้องควรดื่มน้ำให้มากขึ้นหรืออาจจะดื่มน้ำผลไม้เพิ่มไปก็ได้เช่นกันค่ะ ซึ่งของเหลวเหล่านี้สามารถช่วยบรรเทาอาการแพ้ท้องลงได้ แถมลูกในครรภ์ยังได้รับประโยชน์จากน้ำที่คุณแม่ดื่มเข้าไปอีกด้วย เพราะน้ำสามารถช่วยให้ร่างกายของลูกน้อยดูดซึมสารอาหารที่จำเป็นสู่เซลล์ ลำเลียงวิตามิน แร่ธาตุและฮอร์โมนให้กับเซลล์เม็ดเลือด ซึ่งจะส่งผ่านทางรกให้กับลูกในครรภ์ได้ดีขึ้น
การทานอาหาร
อาหารรวมทั้งเครื่องดื่มหลายประเภทช่วยให้คุณแม่สบายตัวขึ้น แต่ก็มีอาหารบางอย่างที่ควรหลีกเลี่ยง
- เครื่องดื่มพวกชาสมุนไพรเพิ่มความสดชื่น อย่างชาขิง หรือน้ำขิงสด เพื่อลดอาการแพ้ท้องได้ เพราะขิงมีคุณสมบัติช่วยในการลดอาการคลื่นไส้ อาการวิงเวียนศีรษะ และบำรุงเลือด พร้อมกระตุ้นการไหวเวียนของเลือดให้ดีขึ้นอีกด้วย คุณแม่ที่เริ่มรู้สึกมีอาการแพ้ท้องสามารถดื่มน้ำขิงร้อน ๆ หรือผสมน้ำขิงลงในน้ำผลไม้ได้เช่นกัน แต่สำหรับคุณแม่มือใหม่เกิดความสงสัยว่า ขิง มีผลต่อสุขภาพลูกในครรภ์หรือไม่ เราต้องบอกเลยค่ะ ขิงนี่แหละคือสุดยอดอาหารสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์อ่อน ๆ เพราะการที่คุณแม่ทานขิงสด หรือดื่มน้ำขิงอุ่นจะช่วยลดอาการแพ้ท้องได้เป็นอย่างดี ซึ่งน้ำมันหอมระเหยในขิงมีส่วนช่วยลดอาการวิงเวียน คลื่นไส้ อาเจียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ แถมยังช่วยลดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ และลดอาการบวมน้ำได้อย่างยอดเยี่ยม
- เปลี่ยนเป็นอาหารมื้อย่อย ๆ ทุก 2-3 ชั่วโมงแทนอาหารมื้อใหญ่วันละ 3 มื้อ
- เลือกอาหารย่อยง่าย เพื่อป้องกันท้องอืดแน่นท้อง
- อาหารประเภทโปรตีนจะช่วยลดอาการแพ้ท้องได้ เช่น เนื้อสัตว์ ไขมันต่ำ อาหารทะเล ไข่ ฯลฯ หาของขบเคี้ยวประเภทโปรตีนติดบ้านไว้ เช่น ถั่วเปลือกแข็ง หรือถั่วสีเขียว
- ทานขนมขบเคี้ยวที่ไม่หวานเพื่อแก้อาการวิงเวียน คลื่นไส้ เช่นบิสกิตหรือขนมปังกรอบ
- เมื่อนึกอยากอาหารรสเปรี้ยวให้เลือกยำ สลัด หรือผลไม้สดแทนของดอง
- เลี่ยงอาหารมัน ๆ หรือรสเผ็ดจัด เพราะความเลี่ยนและความร้อนจะกระตุ้นอาการ ส่วนอาหารเย็นๆ จะช่วยลดอาการแพ้ท้องได้ดี
- พยายามอย่าดื่มน้ำระหว่างมื้ออาหาร ดื่มน้ำทีละน้อย ๆ แต่บ่อย ๆ ตลอดวันเพื่อหลีกเลี่ยงการขาดน้ำ
- อย่าอดอาหารและอย่าปล่อยให้ท้องว่าง ทุกครั้งที่คุณแม่มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน คุณแม่ส่วนใหญ่จะไม่อยากทาน อาหารเพิ่มเข้าไปเพราะกลัวว่าจะมีอาการแพ้ท้องอีก ถ้ายิ่งคุณแม่อาเจียนบ่อย ร่างกายก็ยิ่งอ่อนเพลีย หากปล่อยให้ท้องว่างร่างกายก็จะอ่อนล้า ไม่สามารถสู้กับอาการแพ้ท้องได้ ดังนั้น ไม่ว่าคุณแม่จะมีอาการแพ้ท้องที่รุนแรงมาเพียงใด ก็อย่าลืมทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพเข้าไปมาก ๆและควรทานอาหารตามสัดส่วนอย่างเหมาะสมค่ะ
ทำให้สบายตัวไว้ก่อน
- คุณแม่ที่กำลังอยู่ในช่วงแพ้ท้องจะเกิดความไม่สบายตัวได้ง่าย โดยเฉพาะความร้อนจะเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดอาการคลื่นไส้วิงเวียน หลีกเลี่ยงบริเวณที่มีอากาศร้อน ถ้าต้องเดินออกไปทานข้าวกลางวัน ต้องพยายามหลีกเลี่ยงแสงแดด เลือกร้านที่สามารถเดินหลบแดดใต้ชายคา หรือพกร่มและพัดติดตัวไปด้วย
- สวมใส่เสื้อผ้าสบายตัวเนื้อผ้าระบายอากาศดี
ลดสัมภาระในกระเป๋าให้เหลือแต่ของจำเป็นเท่านั้น จะได้ไม่ต้องเหนื่อยจากการแบกน้ำหนักระหว่างเดินทาง - หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นให้เกิดอาการแพ้ท้อง เมื่อร่างกายของคุณแม่ตั้งครรภ์อ่อนได้รับการกระตุ้นจากสภาพแวดล้อม อาจจะทำให้คุณแม่มีอาการแพ้ท้องอย่างรุนแรงได้ เนื่องจากความไวต่อการรับกลิ่นต่างๆ ดังนั้น คุณแม่จึงควรหลีกเลี่ยงการอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีแต่มลภาวะ ทำให้รู้สึกคลื่นไส้ได้ง่าย หรือกระตุ้นให้อยากจะอาเจียน ถ้าเลี่ยงไม่ได้ใช้ผ้าปิดปาก เพื่อให้ได้กลิ่นต่างๆ น้อยลง อมลูกอมหรือสูดยาดมให้ชื่นใจ
- แนะนำให้คุณแม่สร้างบรรยากาศภายในบ้านเปิดประตูหน้าต่างเพื่อช่วยให้อากาศถ่ายเทสะดวก และระบายกลิ่นอับออกไป ปรับมุมนั่งเล่นให้เห็นสวนข้างบ้าน เพื่อให้รู้สึกสดชื่นอยู่เสมอ หากิจกรรมเล็กๆ ที่ช่วยเบนความสนใจจากอาการแพ้ท้อง เช่น การอ่านหนังสือ การดูโทรทัศน์ การเล่นเกม การปลูกต้นไม้ สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้คุณแม่แพ้ท้องลดลงได้ค่ะ
- เวลาทำกับข้าว หรือกนิอาหารเสร็จแล้วอย่าลืมเปิดพัดลมระบายอากาศกำจัดกลิ่น
พักผ่อนให้เพียงพอ
สำหรับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์นั้น ร่างกายจะมีอาการอ่อนเพลียมากกว่าปกติ จะมีความรู้สึกว่าต้องการพักผ่อน เพื่อให้ระบบต่างๆ ภายในร่างกายทำงานอย่างเป็นสมดุล การนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ นอกจากร่างกายของคุณแม่ตั้งครรภ์จะรู้สึกอ่อนเพลียแล้ว อาจส่งผลต่ออาการแพ้ท้องที่รุนแรงได้ การนอนไม่เพียงพอ ยิ่งทำให้รู้สึกเวียนหัว เหนื่อยง่าย และกระตุ้นการอาเจียนง่ายขึ้น ถ้าจะให้ดีแนะนำให้คุณแม่นอนตั้งแต่หัวค่ำดีที่สุดค่ะ และหาเวลาพักผ่านช่วงกลางวันบ้าง เพื่อให้ร่างกายได้พักผ่อนเต็มที่ ลดอาการเวียนหัว ปรับสมดุลของฮอร์โมนให้เป็นปกติ
การเดิน
คุณแม่ที่มีการตั้งครรภ์หลายๆคนอาจจะไม่เชื่อว่าการเดินจะสามารถช่วยบรรเทาอาการแพ้ท้องได้แต่ผลการวิจัยของชาวอเมริกันได้พบว่าการที่คุณแม่ที่มีการตั้งครรภ์และมีลักษณะการแพ้ท้องนั้นการเดินจะสามารถช่วยบรรเทาอาการได้และ ช่วยลดอาการจุกเสียดต่างๆที่เกิดขึ้นในระหว่างการตั้งครรภ์
ฝึกสมาธิ ผ่อนคลายความเครียด
ความเครียดเป็นหนึ่งปัจจัยที่ทำให้คุณแม่เกิดอาการแพ้ท้อง ซึ่งการนั่งสมาธิสามารถช่วยลดความกังวล ลดความเครียดของคุณแม่ลงได้ คุณแม่ควรหาเวลาทำจิตใจให้สงบ ทุกเช้าควรนั่งสมาธิ เพื่อปรับสมดุลในร่างกาย และปรับสภาพจิตใจให้สู่กับความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ภายในร่างกาย จงคิดไว้เสมอว่ายังมีชีวิตน้อยๆ ที่คุณแม่ยังต้องค่อยปกป้องอยู่อีกคน อย่าย่อมแพ้เพียงแค่อาการเล็กๆ น้อยๆ เพราะมันเทียบไม่ได้เลยกับความสุขที่คุณแม่จะได้พบเมื่อครบกำหนดคลอด และได้เห็นหน้าลูกเป็นครั้งแรก
วิตามินอาหารเสริม
ปกติคุณหมอจะให้วิตามินบำรุงร่างกายอยู่แล้ว ถ้าหากคุณแม่ต้องการทานเสริมควรปรึกษาคุณหมอก่อน การทานประเภทหรือผิดวิธีอาจเกิดผลเสียมากกว่าเสริมสุขภาพ
- วิตามินบี 6 และธาตุสังกะสีจะช่วยลดอาการแพ้ท้องได้ อาจขอจากคุณหมอหรือทานอาหารที่มีวิตามินบี 6 มาก เช่น เนื้อหมู ข้าวกล้อง ไข่ ปลา กล้วย ฯลฯ
และอาหารที่มีสังกะสีมาก เช่น นม เนื้อสัตว์ ตับ ไข่ ปลา ปู กุ้ง หอย ถั่ว และข้าวโพดฯลฯ
ปรึกษาคุณหมอว่าควรทานFolic Acid (กรดโฟลิค)หรือเปล่า - ถ้าธาตุเหล็กเม็ดที่ได้จากคุณหมอทำให้มีอาการคลื่นไส้ ลองขอเปลี่ยนเป็นแบบอื่นแทน
สุดท้าย รีบไปพบคุณหมอถ้าเกิดอาการเหล่านี้
- มีอาการแพ้ท้องมากจนน้ำหนักลดซูบผอม
- มีเลือดปนออกมากับอาเจียน
- เสียน้ำมากจากการอาเจียน และทั้งวันแทบจะดื่มน้ำไม่ได้เลย
- ปัสสาวะน้อยกว่าปกติมีสีเหลืองเข้ม
- ลุกยืนแล้วหน้ามืดบ่อย
- รู้สึกใจสั่นหรือหัวใจเต้นแรงมาก
เพียงเท่านี้คุณแม่ก็สามารถที่จะต่อสู้กับอาการแพ้ท้องระหว่างการตั้งครรภ์ได้ อาการแพ้ท้องเป็นเรื่องปกติ ที่คุณแม่ทุกคนจะต้องพบเจอ เพราะฉะนั้นพยายามรักษาอารมณ์ของคุณแม่ให้แจ่มใส หลีกเลี่ยงความเครียดความกังวลใจ เพื่อให้จิตใจผ่อนคลาย และเพื่อให้ลูกน้อยในครรภ์มีพัฒนาการที่ดีสมบูรณ์แข็งแรง
ดูของใช้เด็กจำเป็นแรกเกิดสำหรับตัวน้อยClick!! www.punnita.com