เพราะเด็กแรกเกิดยังเป็นวัยที่ไม่สามารถพูดหรือสื่อสารสิ่งที่ต้องการได้มากนัก สิ่งที่เรามักจะมองเห็น คือ อารมณ์ที่เจ้าหนูน้อยแสดงออกมาให้เห็นซึ่งแบ่งออกเป็นสองแบบด้วยกัน แบบที่หนึ่ง คือ ด้านที่อารมณ์ดี สดใส ซึ่งเป็นสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่มือใหม่จะพอใจมากเพราะเป็นด้านที่น่ารัก น่าหยิก ของลูกน้อย และสามารถรับมือได้ง่าย แต่แบบที่สอง คือ ด้านที่หนูน้อยอารมณ์ไม่ดี เพราะเด็กแรกเกิดไม่สามารถแสดงความรู้สึกอย่างอื่นได้ เมื่อมีปัญหาหรือรู้สึกอย่างไรจึงจะแสดงออกมาในรูปแบบของการร้องไห้ และส่วนใหญ่ในตอนแรกคุณพ่อคุณแม่เองก็ไม่สามารถเข้าใจได้เช่นกันว่าหนูน้อยร้องไห้ด้วยเหตุผลอันใด ถ้าหากไม่สามารถแก้ปัญหาได้อย่างรวดเร็วหนูน้อยก็จะยังร้องไห้ต่อไป และภาพที่ลูกร้องไห้แทบขาดใจบอกเลยว่าเป็นภาพที่บาดตา บาดใจคุณพ่อคุณแม่เอาเสียมาก ๆ ดังนั้นวันนี้เราจะขอพามาดูวิธีรับมือเมื่อเจ้าหนูตัวน้อยอารมณ์ไม่ดีมาฝากกัน คุณพ่อคุณแม่มือใหม่จะได้รับมือกับเหตุการณ์ได้อย่างทันท่วงที
วิธีรับมือเมื่อลูกน้อยร้องไห้โยเย อารมณ์ไม่สดใส
1. มองหาสาเหตุและต้นตอของการร้องไห้
เวลาที่ลูกของคุณร้องไห้ให้คิดไว้เสมอว่าเขามีสิ่งที่อยากจะบอกคุณอยู่ภายในใจ เพราะการร้องไห้ของเด็กในช่วงวัยแรกเกิดเป็นเหมือนกับภาษาหนึ่งในการสื่อสารของวัยผู้ใหญ่ ดังนั้นอย่าเพิ่งด่วนสันนิษฐานไปว่าการที่ลูกน้อยของคุณร้องไห้นั้นเกิดขึ้นอย่างไม่มีสาเหตุและปล่อยปละละเลย โดยสาเหตุหลัก ๆ มักมีอยู่ไม่กี่สาเหตุด้วยกัน เช่น ลูกน้อยของคุณอาจร้องเพราะหิวนม หากเป็นหลังจากที่ดื่มนมผ่านไปแล้ว 3-4 ชั่วโมงให้ลองยื่นขวดนมหรือพาเข้าเต้าเพราะเด็กทารกนั้นมีกระเพาะอาหารที่เล็กจึงอาจทำให้อิ่มเร็วและหิวง่าย หรืออาจร้องไห้เพราะความเหนื่อยล้า เพลีย หรือไม่สบายตัวจากบางอย่าง เช่น ผ้าอ้อมเต็ม หรือเสื้อผ้าที่สวมใส่ทำให้ร้อนอบอ้าว และกรณีที่ร้ายแรงที่สุด คือ เด็กอาจร้องไห้เพราะเจ็บป่วยหรือมีอาการป่วยบางอย่าง ซึ่งถ้าเป็นในส่วนนี้ต้องอาศัยให้คุณพ่อคุณแม่ ลองตรวจวัดไข้ ตรวจดูตามร่างกายว่ามีอาการบาดเจ็บตรงไหน หรือแม้กระทั่งดูจากปัสสาวะและอุจจาระที่ลูกน้อยเบ่งออกมาว่ามีความปกติหรือไม่ หากพบความผิดปกติควรรีบพาลูกน้อยไปพบแพทย์ทันที
2. แก้ไขการร้องไห้ตามต้นตอของปัญหา
อย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้นว่าการร้องไห้ของเด็กทารกนั้นมีเหตุผลบางอย่างซ่อนอยู่ ดังนั้นแล้วสิ่งแรกที่ควรทำ คือ การมองหาต้นตอและสาเหตุเพื่อจะได้แก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุดมาดูกันว่าแต่ละปัญหาที่ทำให้เด็กทารกร้องไห้อยู่บ่อยครั้งสามารถแก้ได้อย่างไรบ้าง
- ให้นมในกรณีที่หนูน้อยร้องไห้เพราะความหิว
- กล่อมนอนหากพบว่ามีอาการตาปรือ และดูงัวเงีย
- หากสังเกตพบว่ามีอาการสะบัดตัวอาจมีสาเหตุมาจากเสื้อผ้าที่คุณพ่อคุณแม่สวมใส่ให้ไม่สบายตัวควรถอดเสื้อผ้าและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้
- หากมีการร้องไห้เมื่อคุณพ่อหรือคุณแม่ลับสายตาไปอาจเป็นอาการของการเรียกร้องความสนใจ หรือการอยากให้อุ้ม ขั้นแรกให้ลองไกวเปลเบา ๆ เพื่อให้ทารกรับรู้ถึงการมีอยู่ของคุณพ่อคุณแม่ แต่หากยังไม่หยุดร้องอาจต้องมีการอุ้มพาดบ่าแล้วเดินไปมาเพื่อทำให้สงบ
- และบ่อยครั้งที่ทารกมักร้องไห้จากสัมผัสของคนแปลกหน้า นั่นเป็นเพราะสัมผัสเหล่านั้น คือ สัมผัสที่ทารกไม่คุ้นเคยไม่เหมือนของคุณพ่อคุณแม่ จึงอาจทำให้เกิดการร้องไห้และแผดเสียงออกมา ตรงนี้ควรให้เวลาทารกสักพักในการปรับตัว อย่าพยายามไปฝืนเพราะอาจเป็นปมทำให้ทารกกลัวคนแปลกหน้าจนไม่เอาใครเลยตลอดไปก็ได้
แต่ถ้าหากลูกของคุณร้องไห้นานเกินสามชั่วโมงภายในวันเดียว และร้องไห้หนักมากโดยไม่มีสาเหตุ ลองทำตามวิธีเหล่านี้แล้วแต่ก็ยังไม่สามารถทำให้เด็กสงบลงได้ เป็นไปได้ว่าลูกของคุณอาจมีการโคลิค ซึ่งจะเกิดได้กับเด็กที่มีอายุ 2-3 สัปดาห์ ไปจนถึง 3 เดือน ซึ่งอาการของโคลิคนี้ควรพาไปพบแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญและให้พวกเขาเป็นผู้วินิจฉัยจะดีที่สุด
ทำอย่างไรให้ลูกน้อยหยุดร้องไห้และสดใสขึ้น
บางครั้งแก้ปัญหาอย่างตรงจุดไปแล้วแต่ลูกน้อยยังไม่สามารถหยุดร้องไห้ได้เพราะยังรู้สึกว่าอารมณ์ไม่สดใสอยู่ให้ลองทำตามขั้นตอนหรือวิธีการเหล่านี้เพื่อทำให้ทารกน้อยหยุดร้องไห้และอารมณ์สดใสยิ่งขึ้น
1. ดึงดูดความสนใจ
หากลูกน้อยไม่ยอมหยุดร้องไห้ให้ลองเปลี่ยนบรรยากาศ เช่น หนูน้อยอาจร้องไห้ตอนตื่นนอนเพราะรู้สึกงัวเงีย แถมตื่นมาไม่เห็นใคร ทำให้เกิดความรู้สึกกลัวและน้อยใจผสมปนเปกันไป ให้ลองอุ้มหนูน้อยออกไปข้างนอกพร้อมโยกหรือเขย่าเบา ๆ ทำให้จิตใจของหนูน้อยสงบลง
2. ฮัมเพลงหรือร้องเพลงที่หนูน้อยชอบ
เด็กทารกเองก็ชอบฟังเพลงเหมือนกับผู้ใหญ่ ที่สำคัญ คือ คุณพ่อคุณแม่ควรลองให้เขาได้ฟังเพลงหลาย ๆ แนว และจดจำเพลงที่ลูกชอบเอาไว้ ในสถานการณ์ที่หนูน้อยร้องไห้และไม่สามารถทำให้หยุดได้ ร้องฮัมหรือร้องเพลงที่เขาชอบจะเป็นตัวช่วยที่ช่วยได้มากเลยทีเดียว หรือจะเป็นเพลงที่หนูน้อยคุ้นเคยที่คุณพ่อคุณแม่ร้องให้ฟังบ่อย ๆ ก็ได้
3. เปิดเสียง white noise ไว้ขณะที่นอนหลับ
เด็กบางคนอาจไวต่อเสียงจนบางครั้งแค่คนเดินผ่านไปมาหรือคุยกันเบา ๆ อาจทำให้หนูน้อยตื่นระหว่างนอนหลับได้ และนั่นทำให้เด็กเกิดอาการร้องไห้งอแงเพราะโดนปลุกให้ตื่นกลางคัน การเปิดเสียง white noise ซึ่งเป็นเสียงที่มีความสม่ำเสมอคล้ายเสียงลม เสียงฝนทำให้เด็กไม่ได้ยินเสียงรบกวนอื่น ๆ ทำให้ไม่ตื่นกลางคันและการที่หลับและตื่นในบรรยากาศเดิมอาจช่วยให้หนูน้อยไม่ตื่นตกใจและลดอาการงอแงหลังตื่นนอนได้อีกด้วย