หลายครั้งที่คุณพ่อคุณแม่หลาย ๆ คนอยากจะพาลูกน้อยออกไปสัมผัสกับบรรยากาศอื่น ๆ บ้างที่ไม่ใช่แค่ในตัวบ้าน รวมถึงเป็นโอกาสของคุณพ่อคุณแม่เองด้วยที่จะได้ออกไปเที่ยว ไปใช้ชีวิต หลังจากใช้เวลากับการเลี้ยงลูกหลังคลอดมาในช่วงเวลาหนึ่ง แต่แค่คิดถึงสัมภาระมากมายที่เป็นของจำเป็นของลูกน้อย รวมถึงสัมภาระของตัวเองหลายคนก็แทบจะพับแพลนเก็บแทบไม่ทันแล้ว แถมความกังวลในเรื่องต่าง ๆ นานา ที่อาจเกิดขึ้นระหว่างท่องเที่ยวกับลูกน้อยก็ทำให้คุณพ่อคุณแม่ถอดใจ คิดเอาเองว่าเดี๋ยวรอลูกโตแล้วค่อยออกไปเที่ยวกันก็ยังได้ แต่ในความเป็นจริง เมื่อเด็ก ๆ เติบโตขึ้นเวลาที่จะได้ใช้ร่วมกันอาจจะน้อยลง ทั้งการที่ลูกน้อยต้องไปโรงเรียน คุณพ่อคุณแม่เองก็อาจจะต้องทำงานหนักขึ้นเพราะมีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับลูกที่มากขึ้นตามมา
ดังนั้นในบทความนี้เราเพียงต้องการสนับสนุนว่าหากคุณพบเจอเวลาที่เหมาะสมแล้ว ก็อยากที่จะให้คุณได้ใช้เวลาของครอบครัวอย่างเต็มที่ โดยที่ไม่ต้องกังวลว่าการออกไปเที่ยวในขณะที่ลูกยังเป็นแค่เด็กในวัยทารกนั้นจะเกิดความเครียดหรือความกังวลอะไรในระหว่างท่องเที่ยวบ้าง
6 สิ่งที่ควรทำก่อนพาลูกน้อยออกไปเที่ยว มีอะไรบ้าง?
-
แพ็คของอย่างชาญฉลาด
เมื่อไหร่ก็ตามที่เป็นการออกไปเที่ยวกับเด็กบอกเลยว่าการแพ็คของหรือการจัดของนั้นมีความสำคัญอย่างมาก ดังนั้นกล่องหรือกระเป๋าจัดระเบียบสำหรับใส่ของของลูกน้อยเมื่อออกไปข้างนอกก็ถือเป็นของจำเป็นเหมือนกัน เพราะสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้การจัดของสำหรับลูกน้อยของคุณง่ายขึ้นรวมถึงมีระเบียบมากขึ้นอีกด้วย คุณสมบัติที่เหมาะสมสำหรับกระเป๋าหรือกล่องจัดระเบียบของลูกน้อยอย่างแรก คือ มีช่องใส่ของย่อยสำหรับการจัดของให้เป็นระเบียบ หรืออีกอย่างนึงคือเป็นกระเป๋าที่สามารถเก็บอุณหภูมิได้เพื่อที่จะสามารถจัดเก็บนมสำหรับลูกน้อยได้และที่รู้กันดีก็คือ การจัดกระเป๋าต้องให้เบาที่สุดเท่าที่จะทำได้ ของบางอย่างจำเป็นก็จริง แต่ก็สามารถไปหาซื้อข้างหน้าได้ เช่น นมผง ผ้าอ้อม ที่ไม่ว่าที่ไหนก็ต้องมีขาย ส่วนเสื้อผ้าของเด็กที่ต้องเปลี่ยนบ่อย ๆ แต่ก็ใช่ว่าต้องเอาไปเยอะจนล้นกระเป๋า เพราะเสื้อผ้านั้นสามารถซักและนำมาใส่ต่อได้ เพียงเท่านี้กระเป๋าของคุณก็จะเบาลงและมีพื้นที่ว่างมากขึ้นสำหรับของใช้เด็กอ่อนที่จำเป็นอื่น ๆ -
อย่าลืมเตรียมของสำหรับใช้เอนเตอร์เทนลูกน้อย
ลูกน้อยแฮปปี้ คุณพ่อคุณแม่ก็แฮปปี้! คำกล่าวนี้ไม่ถือว่าเกินจริงเลยโดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ต้องพาเด็ก ๆ ออกไปเที่ยวข้างนอก โดยเฉพาะเด็กเล็กที่ยังสื่อสารไม่ได้ การแสดงออกของพวกเขาต่อความไม่สบายกาย ไม่สบายใจก็มีเพียงแต่การร้องไห้เท่านั้น ซึ่งเมื่อลูกร้องไห้คุณพ่อคุณแม่เองก็รู้สึกเกรงใจผู้คนรอบข้าง รวมถึงรู้สึกเจ็บปวดเพราะต้องเห็นน้ำตาของลูกน้อยเองด้วย ดังนั้นสำหรับการเดินทางไกลไม่ว่าจะเดินทางด้วยรถ หรือเครื่องบินอย่าลืมเตรียมของชอบของลูกไว้ให้พร้อม ไม่ว่าจะเป็นของเล่นชิ้นโปรดที่ได้เห็นเมื่อไหร่ก็ต้องตื่นเต้นทุกครั้ง หรือขนมที่เด็ก ๆ ชอบจนทำให้อดใจไม่ไหว หรือเด็กน้อยบางคนอาจไม่ได้ชอบสิ่งของอะไรแต่ชอบที่ได้รับการเอนตอร์เทนจากคุณพ่อคุณแม่ ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของคุณพ่อคุณแม่ที่จะหยอกล้อลูก หรือทำในสิ่งที่ลูกชอบในขณะที่พวกเขารู้สึกไม่สบายใจ ไม่สบายกาย
การกินและการนอนเป็นสิ่งสำคัญของเด็กๆ
สำหรับเด็กเล็กไม่มีอะไรจะสำคัญไปกว่าการได้รับประทานอาหารให้อิ่มท้องและนอนพักผ่อนอย่างเพียงพอ ดังนั้นในระหว่างที่ไปออก family trip คุณพ่อคุณแม่ต้องดูแลจัดสรรเวลาให้ลูกได้กินอาหารและนอนพักผ่อนเป็นเวลา และเป็นไปตามความเหมาะสมของเด็กแต่ละช่วงวัย สำหรับคนไทยสามารถใช้การที่เราเป็นครอบครัวใหญ่ที่มีทั้งคุณพ่อ คุณแม่ คุณปู่ คุณย่า คุณตา คุณยาย และคนอื่น ๆ ให้เป็นประโยชน์ในการสับเปลี่ยนเพื่อดูแลลูกน้อยได้อีกด้วย
-
เตรียมตัวสำหรับการ take off และ landing ของเครื่องบิน
การขึ้นเครื่องบินกับเด็ก ๆ เป็นสิ่งที่ไม่ถูกกันเอาซะเลย เพราะการเปลี่ยนของความดันบรรยากาศในการ landing และ takeoff เป็นสิ่งที่ทำให้เด็ก ๆ รู้สึกเจ็บปวดได้ จึงเป็นหน้าที่ที่สำคัญของพ่อแม่ที่จะเตรียมตัวให้พร้อมรับกับสถานการณ์ โดยการให้พวกเขากลืนน้ำลายระหว่าง landing และ takeoff โดยป้อนขนมให้พวกเขาเพื่อช่วยในการกลืนน้ำลาย แต่การป้อนอาหารให้ลูกน้อยต้องมีการเล่นเกมหรือหลอกล่อเล็กน้อยเพื่อไม่ให้ขนมหมดไวจนเกินไป
-
ยืดหยุ่นต่อสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต
การไปเที่ยวกับเด็กน้อยอาจเกิดเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงได้ทุกเมื่อ มันจึงจำเป็นที่จะต้องมีความยืดหยุ่นในทุก ๆ สถานการณ์ ต้องทำใจให้ชินว่าอาจมีบางครั้งที่แพลนท่องเที่ยวไม่ได้เป็นไปตามที่คุณต้องการ อาจจะต้องปรับเปลี่ยนเวลาเพื่อให้หนูน้อยได้เล่นหรือได้พักผ่อนอย่างเต็มที่
-
ปรับ mindset ของตัวคุณเอง
สุดท้ายนี้ เรารู้ดีว่าการออกไปเที่ยวข้างนอกของคุณพ่อคุณแม่พร้อมกับเด็ก ๆ อาจจะเต็มไปด้วยความเครียดและความกังวลแบบห้ามไม่ได้ ดังนั้นสิ่งที่คุณทำได้ดีที่สุด คือ การปรับเปลี่ยน mindset ของตนเองให้มีความยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้นรวมถึงฝึกให้ตัวเองสงบขึ้น เพื่อที่จะรับมือกับความรู้สึกที่เอ่อล้นในยามที่เกิดเหตุการณ์ที่ไม่ได้คาดคิด