เพราะการตั้งครรภ์นำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงของผู้หญิงเราแทบจะทุกด้าน ทั้งสรีระภายนอกไปจนถึงระบบต่าง ๆ ภายใน คุณแม่หลังคลอดจึงมักมีปัญหาเรื่องความอ่อนล้า ความปวดเมื่อย การไหลเวียนโลหิต อุณหภูมิของร่างกายไม่คงที่ที่ทำให้เกิดอาการร้อน ๆ หนาว ๆ บางท่านอาจมีภาวะบอบช้ำมาก และผิวพรรณเปลี่ยนแปลงจากฮอร์โมนอีกด้วย
การอยู่ไฟ คือ วิธีหนึ่งที่จะช่วยให้ร่างกายของคุณแม่หลังคลอดกลับมาเป็นปกติโดยเร็ว ลดอาการหรือภาวะแทรกซ้อนหลังการคลอดบุตร ช่วยให้น้ำหนักของคุณแม่ลดเร็วยิ่งขึ้น และอาจจะทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งสดใสยิ่งกว่าเดิมอีกด้วย แล้ว “การอยู่ไฟ” หลังคลอด คืออะไรกันแน่ มีประโยชน์อย่างไร แล้วจำเป็นสำหรับคุณแม่หรือไม่ Punnita พร้อมไขคำตอบให้คุณแม่ทุกท่านค่ะ
การอยู่ไฟ คืออะไร?
การอยู่ไฟ คือ วิธีการฟื้นฟูสุขภาพสำหรับคุณแม่หลังคลอดตามศาสตร์การแพทย์แผนไทยที่มีมาแต่โบราณ ซึ่งตามหลักของแพทย์แผนไทยแล้ว ร่างกายของคนเราจะประกอบไปด้วยธาตุดิน น้ำ ลม และไฟ แต่การคลอดลูกจะทำให้คุณแม่เสียธาตุไฟออกไปจำนวนมาก ดังนั้น การอยู่ไฟจึงเป็นการช่วยเพิ่มธาตุไฟและเพิ่มสมดุลให้กับร่างกาย ซึ่งจะช่วยฟื้นฟูสภาพร่างกายที่เหนื่อยล้าจากการตั้งครรภ์และการคลอดบุตรให้กลับคืนสู่สภาพปกติ โดยการอยู่ไฟในปัจจุบันได้มีถูกปรับเปลี่ยนจากรูปแบบการอยู่ไฟแบบดั้งเดิมเพื่อช่วยให้คุณแม่มีความสะดวกสบายและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น โดยประโยชน์ของการอยู่ไฟหลัก ๆ ได้แก่ การช่วยขับน้ำคาวปลา ช่วยให้มดลูกเข้าอู่เร็วขึ้น ฟื้นฟูสภาพร่างกายที่อ่อนล้า และช่วยกระตุ้นน้ำนม
ประโยชน์ของการอยู่ไฟ
- ช่วยปรับสภาวะร่างกายให้สมดุล ฟื้นฟูสภาพร่างกายที่อ่อนล้าหลังการคลอด ทำให้คุณแม่แข็งแรงเร็วขึ้น
- ช่วยขับน้ำคาวปลา เลือดเสีย ขับของเสียออกจากร่างกาย
- ช่วยกระตุ้นให้น้ำนมให้ไหลดีขึ้น
- ช่วยให้ผิวพรรณสดใส เปล่งปลั่งขึ้น
- ลดอาการปวด ชา หรือตะคริว บรรเทาอาการปวดเมื่อยร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณหลัง น่อง และหน้าขาที่เกิดขึ้นจากการอุ้มท้อง
- ช่วยทำให้มดลูกหดรัดตัวเร็วขึ้นและทำให้หน้าท้องยุบตัวลงได้เร็ว มดลูกแห้งและเข้าอู่ได้เร็วขึ้น
- ช่วยทำให้การไหลเวียนของระบบโลหิตดีขึ้น ลดอาการสะบัดร้อนสะบัดหนาว
- ช่วยกระชับผิว ลดไขมันส่วนเกิน โดยเฉพาะหน้าท้องที่หย่อนยาน
- ป้องกันกลุ่มอาการแทรกซ้อนเมื่อเข้าสู่วัยทอง เช่น อาการร้อนหนาววูบวาบ อารมณ์แปรปรวนไม่คงที่

อยู่ไฟ ทำอย่างไร?
กรณีคุณแม่คลอดธรรมชาติ ควรอยู่ไฟหลังจากคลอดแล้ว 7-10 วัน ส่วนคุณแม่ผ่าคลอด สามารถอยู่ไฟได้หลังคลอด 30-45 วัน หรือตามความเหมาะสมตามคำแนะนำของแพทย์ ซึ่งการอยู่ไฟหลังคลอดสามารถทำได้หลายวิธี อาทิ
-
การประคบสมุนไพร
เป็นการนำสมุนไพรสดหรือสมุนไพรแห้งมาทำเป็นลูกประคบเพื่อประคบตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ซึ่งความร้อนของลูกประคบจะช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียนโลหิต ลดอาการบวม ช้ำ อักเสบ บรรเทาอาการปวดเมื่อย ระบายของเสียและเหงื่อ และช่วยให้รู้สึกสดชื่น ผ่อนคลาย และหากประคบบริเวณเต้านมก็จะช่วยลดอาการปวด ตึง คัดเต้านม และช่วยกระตุ้นให้น้ำนมไหลได้ดียิ่งขึ้น
-
การอบสมุนไพร
เป็นการใช้ไอน้ำและความร้อนจากการต้มสมุนไพร โดยให้คุณแม่นั่งอยู่ในกระโจมหรือตู้อบเป็นเวลาประมาณ 10-15 นาที โดยการอบสมุนไพรจะช่วยเปิดรูขุมขน กระตุ้นขับเหงื่อและของเสียออกจากร่างกาย จึงช่วยชะล้างสิ่งสกปรกที่สะสมอยู่ตามผิวหนัง ทำให้ผิวพรรณผ่องใส ช่วยให้หายใจสะดวก ผ่อนคลาย และสดชื่นจากกลิ่นของสมุนไพร
-
การนั่งถ่าน
เป็นวิธีการอยู่ไฟที่จะใช้ความร้อนและควันจากการเผาไหม้ตัวยาสมุนไพรเพื่อรนบริเวณช่องคลอด โดยจะใช้ผงสมุนไพรโรยลงบนก้อนถ่าน จากนั้นครอบด้วยกะลามะพร้อมที่มีรูเพื่อให้ไอร้อนและควันลอยขึ้นและผ่านรูของเก้าอี้เตี้ย ๆ ที่เจาะรู โดยคุณแม่จะต้องนั่งให้บริเวณฝีเย็บอยู่ตรงกับรูดังกล่าวประมาณ 15-20 นาที ซึ่งความร้อนจากถ่านจะช่วยกำจัดเชื้อสกปรกในช่องคลอด ขับน้ำคาวปลาสมานแผลฝีเย็บ ทำให้แผลแห้งเร็วขึ้น และช่วยให้ช่องคลอดกระชับขึ้น
-
การทับหม้อเกลือหรือการทาบหม้อเกลือ
เป็นการให้ความร้อนผ่านเกลือสมุทร ซึ่งบรรจุอยู่ในหม้อดินห่อด้วยใบพลับพลึง และมีตัวยาสมุนไพรที่นำมาตั้งไฟให้ร้อน จากนั้นนำมาประคบบริเวณหน้าท้อง สะโพก และหลัง ซึ่งการทับหม้อเกลือสามารถส่งความร้อนลงสู่กล้ามเนื้อได้ลึกกว่าการประคบสมุนไพร จึงช่วยให้มดลูกเข้าอู่ได้เร็ว ช่วยขับน้ำคาวปลา คลายความตึงของกล้ามเนื้อ กระชับหน้าท้อง และลดอาการปวด โดยเฉพาะบริเวณมดลูกได้ดี
อยู่ไฟ จำเป็นสำหรับคุณแม่หรือไม่?
การอยู่ไฟอาจไม่ใช่สิ่งจำเป็นสำหรับคุณแม่เสมอไป แต่เป็นเพียงวิธีหนึ่งในการส่งเสริมสุขภาพมารดาหลังคลอด ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับสภาวะร่างกายของคุณแม่แต่ละท่าน แต่หากมองประโยชน์ที่คุณแม่จะได้รับจากการอยู่ไฟแล้ว การอยู่ไฟจึงเป็นวิธีฟื้นฟูสุขภาพสำหรับคุณแม่หลังคลอดตามศาสตร์การแพทย์แผนไทยที่จะช่วยปรับสมดุลของธาตุภายในร่างกาย โดยเชื่อกันว่าจะช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวเร็วขึ้น และช่วยดูแลสุขภาพร่างกายในด้านต่าง ๆ ได้ด้วย ดังนั้น การอยู่ไฟจึงไม่ใช่สิ่งจำเป็นที่ขาดไม่ได้ แต่หากทำไปก็ไม่เสียหาย ซึ่งหากคุณแม่ท่านใดไม่สะดวกที่จะอยู่ไฟ ก็สามารถเลือกแนวทางในการดูแลตนเองหลังคลอดให้เหมาะสมกับวิถีชีวิตประจำวันให้มากที่สุดก็ได้เช่นเดียวกัน
หากไม่สะดวกอยู่ไฟ จะดูแลตัวเองหลังคลอดได้อย่างไร?
สำหรับคุณแม่ที่ไม่สะดวกอยู่ไฟ สามารถดูแลตนเองหลังคลอดด้วยการให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย เช่น การอาบน้ำอุ่น ดื่มน้ำอุ่น รับประทานอาหารอุ่น ๆ งดทานของเย็นและอาหารที่มีฤทธิ์เย็น เช่น แตงโม แตงกวา ฟักเขียว อาหารหมักดอง ร่วมกับการหมั่นใช้กระเป๋าน้ำร้อนทาบบริเวณหน้าท้องก็จะช่วยได้มาก อีกทั้งในปัจจุบันก็ได้มีการพัฒนาแผนปัจจุบันที่จะช่วยขับน้ำคาวปลาและช่วยให้มดลูกของคุณแม่หลังคลอดเข้าอู่ได้เร็วขึ้น
อย่างไรก็ตาม การอยู่ไฟควรอยู่ภายใต้การดูแลของผู้ที่มีความเชี่ยวชาญ เช่น แพทย์แผนไทย แพทย์แผนไทยประยุกต์ หรือแพทย์พื้นบ้านที่มีใบประกอบโรคศิลป์เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณแม่เอง และสำหรับคุณแม่ที่ต้องการอยู่ไฟหลังคลอดด้วยตนเอง ควรศึกษาวิธีการและขั้นตอนอย่างละเอียด และควรเข้ารับคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีอยู่ไฟที่ถูกต้องและปลอดภัยก่อนการอยู่ไฟทุกครั้งเพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นค่ะ
ดูสินค้าแม่และเด็กเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.punnita.com