คนท้องกับแมว อยู่ร่วมกันได้หรือไม่

การเป็นคุณแม่ตั้งครรภ์มีหลายเรื่องที่ต้องระวัง โดยเฉพาะเชื้อโรค เพราะเชื้อโรคที่เรามองไม่เห็นอาจส่งผลกระทบต่อลูกน้อยในครรภ์ขั้นรุนแรงจนถึงขั้นพิการและเสียชีวิตได้ หากแม่ตั้งครรภ์ที่มีสัตว์เลี้ยงอย่างน้องแมว อาจจะเคยได้ยินความขัดแย้งเกี่ยวกับประเด็นคนท้องและแมวที่อาจไม่เหมาะสมที่จะอยู่ด้วยกันเนื่องจากเชื้อโรคที่อาจเกิดจากสัตว์เลี้ยง จึงเป็นที่ถกเถียงกันมาอย่างยาวนานว่าคุณแม่ที่ตั้งครรภ์อยู่สามารถอาศัยอยู่ร่วมกันกับแมวในบ้านเดียวกันได้หรือไม่ เพราะแมวนั้นเป็นพาหะแท้ของ ‘โรคขี้แมว’ ซึ่งอาจทำให้เกิดอันตรายกับทารกในครรภ์ แต่ในขณะเดียวกันจากผลการศึกษาและนักวิชาการบางส่วนกลับพูดว่าการที่คนท้องได้อยู่กับสัตว์เลี้ยงอย่างน้องหมาหรือน้องแมว จะเป็นการช่วยเยียวยาจิตใจ รวมถึงคลายความเครียดและความวิตกกังวลให้กับคุณแม่ตั้งครรภ์ที่สภาวะต่าง ๆ ของร่างกายเปลี่ยนแปลงไป รวมถึงการได้เล่นกับสัตว์เลี้ยงจะช่วยให้คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ได้ขยับตัวและออกกำลังมากขึ้น

Asian beautiful pregnant woman hands fondle on belly and listeni

ทำความรู้จักกับโรคขี้แมว หรือโรคทอกโซพลาสโมซิส (Toxoplasmosis)

โรคทอกโซพลาสโมซิส (Toxoplasmosis) หรือที่รู้จักกันในชื่อ โรคขี้แมว เกิดจากการติดเชื้อโปรโตซัว Toxoplasma gondii พบได้ทั่วโลกโดยเฉพาะเขตร้อนและใกล้เขตร้อนรวมทั้งในประเทศไทยของเราด้วย เชื้อนี้มีวงจรชีวิตที่สามารถเจริญเติบโตได้ในสัตว์เลือดอุ่นทุกชนิด แต่แมวจัดเป็นพาหะแท้ของเชื้อชนิดนี้ โดยเชื้อจะอาศัยทางเดินอาหารของแมวในการเจริญเติบโตจนสมบูรณ์ และปล่อยไข่ (oocyst) ปนออกมากับอุจจาระของแมวที่เราเลี้ยง

ตรงนี้ต้องทำความเข้าใจก่อนว่าแมวทุกตัวไม่ได้มีเชื้อชนิดนี้อยู่ในตัว แต่แมวที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่จะได้รับเชื้อ คือ แมวที่ถูกเลี้ยงระบบเปิดและสามารถออกจากบ้านแล้วไปกินสัตว์ชนิดอื่นอย่างเช่น หนูหรือนกได้ หรืออาจเป็นแมวที่มีการกินเนื้อสัตว์แบบดิบ หรือไม่ได้รับการปรุงสุกให้ดีก่อนรับประทาน ทำให้ได้รับเชื้อชนิดนี้มา ดังนั้นหากการเลี้ยงแมวของคุณเป็นการเลี้ยงในระบบปิดอย่างสมบูรณ์ แมวที่เลี้ยงได้รับประทานแต่อาหารที่ปรุงสุกแล้วเท่านั้น ความเป็นไปได้ที่จะได้รับเชื้อ Toxoplasma gondii ก็มีน้อยมากหรือแทบไม่มีเลย

นอกจากนี้ถึงแม้ว่าเชื้อโรคนี้จะสามารถผ่านเข้าสู่ร่างกายของทารกน้อยในครรภ์ได้ แต่ใช่ว่าคุณแม่ตั้งครรภ์ทุกคนที่ได้รับเชื้อชนิดนี้จะทำให้ลูกเป็นโรคขี้แมวทั้งหมด เพราะถ้าหากว่าร่างกายของคุณแม่เคยได้รับเชื้อนี้มาตั้งแต่ก่อนการตั้งครรภ์และร่างกายมีแอนติบอดี้ของเชื้อชนิดนี้อยู่แล้ว เชื้อนี้ก็จะถูกทำลายและไม่ถือว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะทำให้ทารกเกิดโรคขี้แมวแต่กำเนิด แต่คุณแม่ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงจะได้แก่ ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง ผู้ที่มีการติดเชื้อโรคทอกโซพลาสโมซิสก่อนตั้งครรภ์เพียงเล็กน้อย รวมถึงคุณแม่ตั้งครรภ์ที่เป็นมะเร็งและเคยได้รับการรักษาแบบเคมีบำบัดหรือเคยมีการเปลี่ยนถ่ายอวัยวะ เป็นต้น

woman-feeding-child-couch

คนท้องสามารถอยู่ร่วมกับแมวได้ หากอยู่ร่วมกันอย่างถูกวิธี

อย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้นว่าการเลี้ยงแมวหรืออยู่อาศัยร่วมกันกับแมว ไม่ได้ทำให้เกิดโรคขี้แมวเสมอไปเพราะฉะนั้นสามารถพูดได้เลยว่าคนท้องกับแมวนั้นสามารถอาศัยอยู่ร่วมกันในบ้านได้ คุณแม่ที่ตั้งครรภ์เองก็ไม่จำเป็นต้องเอาแมวที่ตนเองรักไปทิ้งไว้กับครอบครัว เพื่อน ญาติ หรือคนอื่น ๆ ให้รู้สึกปวดหัวใจ แต่อย่างไรก็ตามการป้องกันและเรียนรู้ที่จะอยู่กับแมวในช่วงตั้งครรภ์เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดโรคก็เป็นความคิดที่ดีกว่าอย่างแน่นอน ดังนั้นในบทความนี้เราจึงมีคำแนะนำสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ที่ต้องอยู่ร่วมกันกับสัตว์เลี้ยงมาฝากกัน

  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับอุจจาระของแมวโดยตรง โดยปล่อยให้คนอื่นในบ้านเป็นคนทำความสะอาดถาดอุจจาระของแมว หรือหากมีความจำเป็นที่ต้องทำความสะอาดด้วยตนเองให้สวมถุงมือ สวมหน้ากากอนามัยให้เรียบร้อยในขณะทำความสะอาด และล้างมือหรือชำระล้างร่างกายทันทีหลังจากที่ทำความสะอาดเสร็จ
  • หมั่นล้างมือบ่อย ๆ หลังจากมีการสัมผัสน้องแมว โดยไม่ควรขยี้ตาหรือนำอาหารเข้าปากหากยังไม่ได้ล้างมือ
  • หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำที่ไม่สะอาด
  • หลีกเลี่ยงการรับประทานของดิบ หรือของกึ่งสุกกึ่งดิบ
  • หากจำเป็นต้องมีการทำสวน หรือสัมผัสกับดินหรือทรายให้หลีกเลี่ยงการสัมผัสโดยตรง เพราะอาจมีเชื้อของโรคขี้แมวปนเปื้อนอยู่ในสิ่งแวดล้อมได้
  • กำหนดพื้นที่ให้แมวอยู่และไม่ควรนำแมวมานอนบนเตียงด้วยในช่วงที่ตั้งครรภ์
  • ทำความสะอาดบ้านอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงทำความสะอาดของใช้ของน้องแมว เช่น กระบะทราย ของเล่น หรือถาดอาหารด้วยความร้อนเพราะสามารถใช้ความร้อนทำลายไข่ของโปรโตซัวได้
  • ฝึกไม่ให้กระโดดพุ่งใส่คน หรือทับบนตัว เพราะอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุกับคุณแม่ตั้งครรภ์ได้

 

เห็นหรือไม่ว่าแท้จริงแล้ว คนท้องกับแมว สามารถอยู่ร่วมกันได้ เพียงแค่อยู่ร่วมกันอย่างถูกวิธี สำหรับคุณแม่มือใหม่ที่เป็นทาสแมวก็ไม่ต้องนำแมวไปฝากเลี้ยงหรืออยู่ไกลหูไกลตาให้ปวดใจอีกด้วย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นแนะนำว่าควรมีการปรึกษาแพทย์ผู้ดูแลเพื่อรับคำแนะนำอย่างละเอียดและเหมาะสมจะเป็นผลดีที่สุด
Banner ดูสินค้าแม่และเด็กได้ที่เว็บไซต์ Punnita.com

Leave a Reply

Your email address will not be published.